อิฐสองก้อน


พระอาจารย์พรหม ท่านเล่าว่า... 

   ตอนที่ท่านเริ่มสร้างวัดจากที่ดินเปล่า ๆ ผืนหนึ่ง การก่อสร้างนั้นช่างยากเย็น แม้แต่การก่อกำแพงอิฐที่ดูเหมือนเป็นเรื่องง่าย ๆ แค่โปะปูนลงไป แล้ววางก้อนอิฐ แตะด้านนี้ที ด้านนั้นที ให้เข้าที่ ก็น่าจะใช้ได้แล้ว 

แต่ความจริง...ตอนเริ่มก่ออิฐใหม่ ๆ แตะกดมุมหนึ่ง อีกมุมหนึ่งก็กลับยกขึ้น พอกดด้านที่ยกให้ลงมา อิฐก็เริ่มแตกแนว พอดันกลับเข้าที่ มุมแรกก็สูงเกินไปอีก แต่ท่านก็อดทนก่อกำแพงอิฐนี้อย่างไม่สนใจว่าจะต้องใช้เวลายาวนานสักเท่าใด เพื่อจัดเรียงอิฐทุกก้อน ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย และถูกวางไว้โดยสมบูรณ์ที่สุด 

จนกระทั่ง...กำแพงอิฐแผงแรกสำเร็จลงด้วยดี ท่านก้าวถอยหลังออกมาเพื่อชื่นชมผลงานนั้น


แต่แล้ว... ก็กลับสังเกตเห็นว่า มีอิฐอยู่สองก้อน ที่ทำมุมเอียงกับแนวอิฐก้อนอื่น ๆ ทำให้กำแพงทั้งแถบมีตำหนิและดูไม่สวยงามเลย

แต่ถึงเวลานั้น ปูนก็แข็งเกินกว่าที่จะดึงอิฐสองก้อนนั้นมาเรียงใหม่ได้แล้ว พระอาจารย์พรหมท่านรู้สึกอับอายอย่างยิ่ง 
ที่กำแพงมีความน่าเกลียด ไม่สวยงาม

จึงขออนุญาตท่านเจ้าอาวาสทุบทิ้งเพื่อที่จะสร้างใหม่ แต่ท่านเจ้าอาวาสไม่อนุญาต

นับตั้งแต่นั้น เมื่อมีแขกมาเยี่ยมชมวัด พระอาจารย์พรหมก็มักจะพาผู้ที่มาเยี่ยมชม เดินเลี่ยงกำแพงแถบนั้น และดึงความสนใจไปที่ส่วนอื่น ๆ เสมอ ๆ

จนกระทั่ง ๓ เดือนต่อมา...มีผู้มาเยี่ยมชมวัดคนหนึ่ง เห็นกำแพงนั้นเข้า และเอ่ยกับท่านว่า "กำแพงนี้สวยดีนะครับ"


"คุณลืมแว่นสายตาไว้ในรถหรือเปล่า คุณไม่เห็นหรือว่ามีอิฐ ๒ ก้อน ที่ก่อผิดพลาด จนกำแพงดูไม่ดี"

"ใช่ครับ ... ผมเห็นอิฐสองก้อนนั้น" ชายผู้นั้นตอบ
"แต่ผมก็เห็นด้วยว่า มีอิฐอีก ๙๙๘ ก้อน ก่อไว้เป็นระเบียบสวยงามมาก"


พระอาจารย์พรหมถึงกับอึ้ง...

   เป็นครั้งแรกในรอบ ๓ เดือน ที่ท่านสามารถมองเห็นอิฐก้อนอื่น ๆ บนกำแพง ที่ผ่านมา นอกเหนือจากอิฐ ๒ ก้อนที่เป็นปัญหา ตาของท่านมืดบอดต่อสิ่งอื่นทั้งหมด

...ทั้งที่จริง อิฐทุกก้อน ทุกตำแหน่ง นอกจากอิฐ ๒ ก้อนนั้น ล้วนก่อไว้อย่างดีไม่มีที่ติ ยิ่งไปกว่านั้น จำนวนอิฐที่ดีก็มีมากกว่าอิฐไม่ดี ๒ ก้อนนั้นด้วย

ท่านอยากทลายกำแพงลง เพราะมองเห็นแต่อิฐ ๒ ก้อนที่ผิดพลาด

...ทันทีที่ความรู้สึกเปิดกว้าง มองเห็นอิฐก้อนดีๆ จำนวนมากบนกำแพงนี้ กำแพงเดิมที่อยากทลายลงก็กลับงดงามขึ้นมาทันที

"ใช่...กำแพงนี้สวยดี"  พระอาจารย์พรหมหันไปเปรยกับชายผู้มาเยี่ยมชมคนนั้น

...นับแต่นั้น เมื่อท่านมีสายตาที่สามารถมองเห็นอิฐดีๆ ได้แล้ว กำแพงนี้ก็ไม่น่าเกลียดสำหรับท่านอีกต่อไป…


เช่นเดียวกัน เราทุกคนต่างก็มีอิฐ ๒ ก้อนนั้นอยู่ในตัวเองกันทั้งนั้น ไม่มีใครที่จะดีไปทุกอย่าง หรือเลวร้ายไปทุกอย่าง


หากเราหันมามองผู้คนรอบข้างด้วยสายตาที่เมตตาต่อกัน

ไม่ให้เรื่องลบเพียงไม่กี่เรื่อง มาทำลายความสวยงามที่เคยมีต่อกันมา
ขัดแย้งกันอย่างไร ผิดพลาดอย่างไร น้อมรับไปปรับปรุง และให้อภัยต่อกัน
แม้กำแพงนั้นจะมีตำหนิอย่างไร...มันก็จะยังคงสวยงาม และคุ้มภัยให้กันและกันได้เสมอ

...เดี๋ยววัน เดี๋ยวคืน เดี๋ยวก็ตายจากกันแล้ว จะได้อยู่ช่วยเหลือเกื้อกูลกันนั้น มันไม่ได้นานหรอก อิฐแค่ ๒ ก้อน ไม่ได้มีค่าควรแก่การนำมายึดถืออะไรในชีวิตเลย

" ความสุขในชีวิตก็คือ ... เราเลือกที่จะมองอะไร จะมองสิ่งที่ดี หรือสิ่งที่ไม่ดี หรือจะเลือกมองว่าอย่างน้อยมันก็ยังมีจุดที่ดีอยู่บ้าง เราเป็นทั้งหมดที่จะตัดสินตัวเองเพื่อก้าวต่อไปและสามารถมีความสุขกับชีวิตได้ ด้วยตัวของเราเอง "

Cr. พระอาจารย์พรหม วังโส เจ้าอาวาสวัดป่าโพธิญาณ ประเทศออสเตรเลีย เคยเล่าไว้ในหนังสือ "ชวนม่วนชื่น"

0 ความคิดเห็น: